เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 8 กันยายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,413
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7020.jpeg
      IMG_7020.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      259.4 KB
      เปิดดู:
      34
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,413
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ทั้งที่พักผ่อนไม่พอแต่ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพพาพระวัดท่าขนุนฝ่าสายฝนออกไปรับบาตรตามปกติ เห็นญาติโยมที่ฝ่าฝนออกมาใส่บาตรแล้วยังรู้สึกสะท้อนใจว่า ถ้าหากพระภิกษุสามเณรของเราไม่ยอมออกบิณฑบาต ทั้ง ๆ ที่ญาติโยมรอใส่บาตรอยู่ ก็คงจะไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส..!

    วัดท่าขนุนของเรานั้น จะฝนตกแดดออก ฟ้าถล่มดินทลายอย่างไร ก็ออกบิณฑบาตเป็นปกติ จนกระทั่งญาติโยมทุกคนทราบทั่วกันแล้วว่า ไม่ว่าสภาพอากาศแบบไหน ทางวัดท่าขนุนก็ให้พระภิกษุสามเณรออกบิณฑบาตกันทั้งนั้น จึงทำให้คนแถวนี้น้อยคนที่จะให้ลูกไปบวชที่วัดท่าขนุน เนื่องเพราะกลัวว่าลูกของตนจะต้องลำบาก..!

    ต้องตื่นตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง เจริญกรรมฐาน ทำวัตรเช้าแล้วออกบิณฑบาต ฉันเช้าเสร็จแล้วก็ร่วมกันทำความสะอาดวัด จากนั้นใครที่เรียนนักธรรม เรียนบาลีก็ต้องไปเรียนจนกว่าจะเพล ฉันเพลเวลา ๑๑ โมงครึ่ง มีเวลาให้ประมาณ ๑๕ นาทีเท่านั้น อิ่มไม่อิ่มก็ต้องเลิก พูดง่าย ๆ ว่าต่อให้ไม่พิจารณาอาหาเรปฏิกูลสัญญา ท่านเองก็ไม่มีเวลามานั่งละเลียดด้วยความอร่อยอยู่ดี เนื่องเพราะว่าถ้าขืนช้าก็จะฉันไม่อิ่ม..!

    จากนั้นก็ฟังเสียงธรรมจากหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ซึ่งเปิดเสียงตามสายไปทั่ววัดตั้งแต่เที่ยงตรงจนถึงเที่ยงครึ่ง แล้วช่วงบ่ายใครที่เรียนนักธรรม เรียนบาลี ก็เข้าสู่โหมดการเรียนตามปกติ ตอน ๔ โมงเย็นเลิกเรียน ฟังเสียงตามสายรอบเย็น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็คือพระวินัยของพระภิกษุของเรานั่นเอง แปลว่าทางวัดเปิดศีลพระกรอกหูอยู่ทุกวัน..!

    จบจากเสียงตามสายรอบเย็นก็เป็นการทำความสะอาดวัดร่วมกัน เสร็จแล้วก็ไปสรงน้ำแต่งตัว มาทำวัตรค่ำรอบแรก ต่อด้วยการฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ถ้ากระผม/อาตมภาพไม่อยู่ ก็จะไม่มีเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนสอดแทรกตรงกลาง หากแต่ต่อด้วยการทำวัตรค่ำรอบสองไปเลย แล้วเวลา ๒ ทุ่ม ก็จะเป็นเสียงตามสายรอบค่ำ ตั้งใจให้ฟังแล้วภาวนาจนหลับไป เพื่อที่จะตื่นขึ้นมาตอนตี ๓ ครึ่ง เริ่มเข้าสู่วงจรเดิม ๆ กันอีก..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,413
    สำหรับวันนี้มีโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าไทย นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" ซึ่งแม้ว่าฝนฟ้าจะตกกระหน่ำแบบไม่ดูดำดูดี แต่ญาติโยมก็ไม่ย่อท้อ นักท่องเที่ยวมาใส่บาตรกันหนาแน่น น่าชื่นใจมาก เมื่อกลับถึงวัด ระหว่างฉันเช้า บรรดาแม่ชีก็ได้นำเอายาแก้ไขมาถวายพระภิกษุของพวกเรา ใครที่เกรงว่าจะเจ็บไข้ได้ป่วยจากการตากฝน ก็เร่งฉันยาลงไปสกัดไข้เอาไว้ก่อน

    กระผม/อาตมภาพเองนั้น ยังต้องไปซักผ้าซักผ่อนจนเรียบร้อยแล้ว ค่อยแต่งตัว ให้น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) พาวิ่งไปยังวัดอู่ล่อง เพื่อถวายมุทิตาสักการะพระครูพิสุทธิ์กาญจนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดอู่ลอง เจ้าคณะตำบลท่าขนุนเขต ๑ ที่ท่านจัดงานฉลองสมณศักดิ์พัดยศ ซึ่งได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอก พร้อมกับฉลองอายุวัฒนมงคล ๖๑ ปี ซึ่งกระผม/อาตมภาพกับหลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะตำบลทองผาภูมิ ไปร่วมแสดงความยินดีในงานด้วย

    เมื่อถวายมุทิตาสักการะแล้ว กระผม/อาตมภาพต้องรีบกลับวัดท่าขนุน เพื่อเตรียมสถานที่ในการประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ เมื่อฉันเพลแล้ว ก็รีบแต่งตัวออกมารอการประชุม ซึ่ง
    แม้ว่าจะเป็นวันอาทิตย์ วันหยุดของตนเอง ท่านชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ ก็มาร่วมประชุมด้วยความเต็มอกเต็มใจ

    ดำเนินการประชุมไปจนเสร็จสิ้น ปิดการประชุมลงภายในบ่าย ๓ โมง เพราะกระผม/อาตมภาพได้บอกกับคณะกรรมการทุกท่านว่า วันนี้จะต้องวิ่งไปดูแลพรรคพวกเพื่อนฝูงคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลาง ซึ่งจะมาพักที่เรือนธารา อาคารที่พักภายในเขื่อนศรีนครินทร์ รอการเดินทางไปตรวจประเมินหมู่บ้านน้ำมุด เพื่อยกขึ้นเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบในวันพรุ่งนี้ จึงไม่มีเวลาการประชุมให้ยืดเยื้อ ทุกอย่างจะต้องจบลงภายในบ่าย ๓ โมง ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือด้วยดี

    เสร็จแล้วก็วิ่งฝ่าฝนจากทองผาภูมิลงมาไทรโยค เลี้ยวซ้ายตรงสามแยกทับศิลา แล้วมาเลี้ยวซ้ายอีกทีตรงสามแยกวัดเขื่อนท่าทุ่งนา วิ่งผ่านเขื่อนท่าทุ่งนา ตรงขึ้นไปยังเขื่อนศรีนครินทร์ ไปถึงปรากฏว่ามีหลวงพ่อน้ำฝน (พระครูปลัดสิทธิวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม หัวหน้าพระวินยาธิการคณะสงฆ์ภาค ๑๔ เพิ่งมาถึงรายเดียว เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องรอผู้ติดต่อประสานงานมาทำการเบิกกุญแจก่อน จึงจ่ายห้องพักให้ได้ พวกกระผม/อาตมภาพจึงเดินดูข้าวของ และถ่ายรูปสถานที่ส่งไปให้พรรคพวกเพื่อนฝูงที่จะตามมา
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,413
    อีกพักใหญ่ พระครูศรีธรรมวราภรณ์, ดร. (จีรพันธ์ ธมฺมปสฏฺโฐ ป.ธ. ๖) เลขานุการรองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีก็วิ่งมาถึง ทำการเบิกบ้านพักให้ กระผม/อาตมภาพได้พักที่เรือนโกเมนหมายเลข ๑ ซึ่งอยู่สุดทางของเขื่อนพอดี แม้ว่าวิวจะไม่สวยงามเท่ากับที่อื่น แต่ว่าเงียบสงบดีมาก จึงมาทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่ในขณะนี้

    ส่วนที่อยากจะพูดถึงก็คือ "ควันหลง" จากงานเป่ายันต์เกราะเพชรที่วัดท่าขนุนเมื่อวาน เหตุที่บอกว่า "ควันหลง" ก็เพราะว่า เห็นการกระทำผิดพลาดใหญ่ ๆ หลายต่อหลายอย่างด้วยกัน

    โดยเฉพาะ
    เครื่องบูชาที่ใช้ในขณะรับยันต์เกราะเพชร ซึ่งปกติแล้วมีแค่ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม เทียนก็ไม่จำกัดว่าเป็นสีอะไร แต่จำกัดว่าต้องมีน้ำหนัก ๑ บาท ซึ่งเทียนหนัก ๑ บาทนั้นจะมีขนาดเกือบเท่านิ้วชี้ผู้ใหญ่ ยาวประมาณ ๑ คืบ แต่ว่าเห็นหลายท่านนำเอาเครื่องบูชาครูรับยันต์เกราะเพชรมาแล้วก็รู้สึกว่า go so big ชักจะไปกันใหญ่แล้ว..!

    เนื่องเพราะว่าหลายท่านได้หอบเอาพานกรวยดอกไม้มา บางท่านก็หอบเอาพานดอกไม้ธูปเทียนแพมา บางท่านก็หอบบายศรีปากชามมา มีอยู่ท่านหนึ่งหอบเอาพานพุ่มขนาดใหญ่โตมาคู่หนึ่งเลย บางคนก็มีดอกบัวทองมา ๙ ดอก บางท่านยิ่งเข้าป่าเข้าดงไปใหญ่ ก็คือมีดอกไม้ ๓ สี ๓ ดอก เทียน ๑ คู่ ธูป ๓ ดอก เป็นต้น

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าปล่อยไปโดยไม่พูดถึง บุคคลที่เข้าใจผิดเพราะว่าได้รับการแนะนำมาผิด ๆ ก็จะเตลิดเปิดเปิงไปยกใหญ่ จนกระทั่งท้ายสุดก็จะไม่เหลือของแท้เอาไว้เลย เพราะว่าจำผิด ๆ ตามกันไปหมดแล้ว..!

    เครื่องมือในการรับยันต์เกราะเพชรนั้นมีแค่ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม ยกเว้นผู้หญิงคนใดที่มีลูกติดท้องมาก็จัดเผื่อให้กับลูกด้วยอีก ๑ ชุด ก็แปลว่าบุคคลนั้นต้องใช้ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม จำนวน ๒ ชุดด้วยกัน ถ้าสแกนดูด้วยอัลตร้าซาวด์แล้วรู้ว่ามีลูกแฝด ก็เตรียมเผื่อลูกอีกคนหนึ่ง อย่างเก่งก็น่าจะ ๓ ชุดเท่านั้น แต่มีการแนะนำผิด ๆ จากผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้รู้ แล้วทำให้เรื่องเหล่านี้ผิดเพี้ยนผิดพลาดไปหมด


    แม้กระทั่งเรื่องของบายศรีก็ตาม บายศรีบวงสรวงไหว้ครูนั้นเป็นบายศรี ๙ ชั้น คำว่า ๙ ชั้นในที่นี้ก็คือมี "นิ้วบายศรี" ซ้อนกันตัวละ ๙ ชั้น ไม่ใช่บายศรีสูง ๙ ชั้น ขอให้จัดเป็นบายศรี ๙ ชั้นในลักษณะอย่างนี้มา จะเป็น "บายศรีพาน" ก็ได้ "บายศรีต้น" ก็ได้


    ส่วนบายศรีปากชามทั้ง ๔ ทิศนั้นจำกัดแค่สี ไม่ได้จำกัดที่ขนาด คำว่าจำกัดสีก็คือทางด้านเหนือต้องเป็นดอกไม้สีแดง ทางด้านใต้เป็นดอกไม้สีม่วง ทางด้านตะวันออกเป็นดอกไม้สีเหลือง ทางด้านตะวันตกเป็นดอกไม้สีขาว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2024
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,413
    ส่วนบายศรีต้นตรงกลางนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่าจะชอบสีอะไรก็ตาม แต่ให้มีดอกไม้สีแดงติดอยู่สักเล็กน้อย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของท้าวมหาราชท่าน เพราะว่าท่านขอมาว่าถ้าทำบายศรีแล้วมีสีแดงอยู่ ท่านจะให้การสงเคราะห์อย่างเต็มที่

    ส่วนเครื่องประกอบอื่น ๆ นั้น ในส่วนที่เห็นเกินมามากในปัจจุบันนั้น อันดับแรกเลยก็คือทองหยิบฝอยทอง ทองหยิบฝอยทองนั้นมีเอาไว้สำหรับแก้บนเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ไม่ใช่เครื่องประกอบเครื่องบวงสรวง

    อย่างต่อไปก็คือในส่วนของถั่วลาชมาศ ซึ่งก็คือถั่วเขียวแกะเปลือกคั่ว เอาไว้ใช้ในการตั้งศาลพระภูมิ ไม่ใช่เอามาขึ้นโต๊ะบวงสรวงไหว้ครู บางที่นอกจากทองหยิบฝอยทองแล้ว ยังแถมขนมจีนน้ำพริกมาอีกด้วย นั่นก็เป็นสิ่งที่เอาไว้แก้บนเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เช่นกัน

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ความผิดเพี้ยนเหล่านี้ก็จะมีมากขึ้น ผลไม้บนโต๊ะบวงสรวงนั้นจะประกอบไปด้วยกล้วยน้ำว้า มะพร้าวอ่อนและส้มโอ อย่างละ ๑ ก็คือมะพร้าวอ่อน ๑ ผล ส้มโอ ๑ ผล กล้วยน้ำว้า ๑ หวี กล้วยน้ำว้าต้องเป็นกล้วยสุกเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้เห็นหลายที่จัดผลไม้ ๙ อย่างมาบ้าง ๕ อย่างมาบ้าง ซึ่งเป็นการผิดเพี้ยนไปตามการบวงสรวงของบรรดาพราหมณ์ต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งการไหว้เจ้าจีน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย

    อีกอย่างหนึ่งซึ่งไม่จำเป็นต้องขึ้นโต๊ะก็ได้ก็คือปลาช่อนแป๊ะซะ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการไหว้เจ้าที่ในสถานที่นั้น ถ้ามีศาลเจ้าที่อยู่ เอาไปไหว้ที่ศาลเจ้าที่เลย ไม่ต้องเอามาขึ้นโต๊ะก็ได้

    ดังนั้น..ท่านทั้งหลายถ้าหากเห็นว่ามีอะไรมากมายเกินไป นอกเหนือจากที่ครูบาอาจารย์สอนมา ก็ช่วยบอกช่วยกล่าว ช่วยตักเตือนกันด้วย ไม่เช่นนั้นถ้าทิ้งไว้นานไป ความผิดเพี้ยนมีมากขึ้นจนกลายเป็นถูก แล้วท้ายที่สุดของถูกที่แท้จริงก็จะกลายเป็นผิดไป จากที่เมื่อวานเห็นท่านทั้งหลายนำเอาเครื่องบูชารับยันต์เกราะเพชรมาแล้วผิดเพี้ยนไปได้ขนาดนั้น จึงทำให้กระผม/อาตมภาพต้องมาบอกกล่าวไปยันเครื่องบายศรีบูชาครูเสียด้วย

    เครื่องบายศรีนั้น ท่านพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ. ๖ วัดปากน้ำภาษีเจริญ ท่านศึกษามาด้วยตนเองแล้ว เมื่อกระผม/อาตมภาพตอกย้ำเข้าไปอีกก็กลายเป็นว่าท่านทำถูกตั้งแต่ต้น และโดยเฉพาะท่านรับเป็นเจ้าภาพเครื่องบวงสรวงให้กระผม/อาตมภาพมาหลายปีแล้ว ทั้ง ๆ ที่เครื่องบวงสรวงบายศรีแต่ละชุดนั้นราคาไม่ใช่ถูก ๆ ปัจจุบันนี้เห็นที่เขาจัดกันทั่วไป ต่ำสุดก็อยู่ที่ ๓๕,๐๐๐ บาท แล้วก็เป็นชุดเล็ก ไม่ใช่ใหญ่เต็มที่อย่างที่ท่านพระมหานันทวัฒน์จัดให้กระผม/อาตมภาพอีกด้วย

    โดยเฉพาะท่านเองก็เจ็บไข้ได้ป่วย ร่างกายไม่ดีมาก ๆ ก็ยังอุตส่าห์มาตามดูงานจนเสร็จเรียบร้อย และลงมาจุดธูปจุดเทียนไหว้พระในช่วงทำการเป่ายันต์เกราะเพชรอีกต่างหาก จึงต้องขอบพระคุณในน้ำใจของท่านที่มีต่อวัดท่าขนุนด้วยดีตลอดมา

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...