เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 24 มกราคม 2025 at 18:11.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,332
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,613
    ค่าพลัง:
    +26,467
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,332
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,613
    ค่าพลัง:
    +26,467
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศที่วัดศิลาวาส (ปางโม่) ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่ ๑๓ องศาเซลเซียส ซึ่งต่างจากทองผาภูมิประมาณ ๑ - ๒ องศาเซลเซียส แล้วแต่ว่าวันนั้นสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร ตอนแรกกระผม/อาตมภาพก็เตรียมอังสะกันหนาวไว้ถึง ๓ ตัว แต่ปรากฏว่าถึงเวลาได้ใช้งานจริงเพียงตัวเดียว ด้วยสิ่งที่บอกกับหลายท่านไปแล้วว่า อากาศจะหนาวมากหนาวน้อย กระผม/อาตมภาพก็รู้สึกว่าหนาวเท่ากัน..!

    เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่ง คุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ประธานคณะกรรมการบริษัทเอ็นซีทัวร์กล่าวว่า "หลวงพ่อมีผู้ดูแลพิเศษ" ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ไม่แน่ใจว่าพิเศษขนาดไหน แต่ว่าตามที่ตนเองพบเห็นมา ไม่ว่าจะหนาวมากหนาวน้อย ในความรู้สึกของตนเองก็เหมือนกับหนาวเท่ากัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะว่าถ้าขืนหนาวมากตามอากาศ ก็อาจจะเกิดอาการมาลาเรียกำเริบขึ้นมาได้..!

    สถานที่พักของทางวัดศิลาวาส ที่ท่านอาจารย์พันแสน (ธรรมชัย อคฺคธมฺโม) ได้จัดเอาไว้ให้เป็นที่พักของกระผม/อาตมภาพนั้น ต้องบอกว่าเป็นสัปปายะมาก นอกจากน้ำไหลไฟสว่างแล้ว ยังอุตส่าห์มี WIFI ให้อีกด้วย สามารถที่จะทำงานต่าง ๆ ได้ด้วยความสะดวกเป็นอย่างยิ่ง ห้องน้ำห้องท่าก็อยู่ใกล้กับที่พัก สามารถที่จะเดินไปเข้าด้วยความสะดวกสบาย ส่งรูปไปให้ใครดูก็มีแต่คนบอกว่าอยากจะมาพักบ้าง

    แต่ขออภัยเถอะ..ถ้าพูดถึงเชียงดาวแล้ว ในสมัยก่อนเมื่อกระผม/อาตมภาพมาเชียงใหม่ เป้าหมายหลักเลยก็คืออำเภอแม่แตง เพื่อกราบหลวงปู่ครูบาธรรมชัย (พระครูวรเวทย์วิสิฐ) หลังจากนั้นแล้วก็จะเลาะคลองชลประทาน ฝั่งถนนตรงกันข้ามกับวัดทุ่งหลวง ไปกราบหลวงปู่เปลี่ยน วัดอรัญญวิเวก ถัดจากนั้นก็ไปกราบหลวงปู่น้อย วัดบ้านปง

    ภายหลังเมื่อครูบาเทือง วัดบ้านเด่นโด่งดังขึ้นมา มีโอกาสกระผม/อาตมภาพก็ไปเยี่ยมไปเยือนท่านด้วย ก็ยังขำ ๆ ว่า ที่รอบวัดของท่านติดป้ายเอาไว้อย่างชัดเจนว่า "ใครนิมนต์ ครูบารับทุกราย แต่ไม่ไป ใครขอเงิน ครูบาให้ทุกราย แต่ไม่จ่าย" เนื่องเพราะว่าบุคคลที่พอมีชื่อเสียง ก็จะมีแต่คนมาขอความช่วยเหลือ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่รู้จักมักจี่อะไรกันเลยก็ยังเพียรพยายามมา แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพโดนมาอยู่ทุกวันนี้..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,332
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,613
    ค่าพลัง:
    +26,467
    เมื่อไปกราบครูบาอาจารย์ที่แม่แตงแล้ว ก็เลยขึ้นเชียงดาวไป โดยเป้าหมายอยู่ที่วัดถ้ำผาปล่อง เพื่อกราบหลวงปู่สิม (พระญาณสิทธาจารย์)หรือไม่ก็เลยไปอำเภอพร้าว ขึ้นดอยแม่ปั๋ง เพื่อกราบหลวงปู่แหวน มาระยะหลังนี้ทางด้านเชียงดาวหรือว่าพร้าวนั้น แทบจะหลุดจากวงโคจรไปเลย เนื่องเพราะว่าพอสิ้นหลวงปู่สิมกับหลวงปู่แหวนแล้ว อย่างดีกระผม/อาตมภาพก็มาถึงแค่วัดทุ่งหลวง เพื่อกราบสังขารหลวงปู่ครูบาธรรมชัยเท่านั้น ในส่วนอื่น ๆ ของอำเภออื่น ก็ว่ากันไปตามลำดับความสำคัญมากน้อย

    สำหรับวันนี้ เมื่อมาถึงเชียงดาวและได้ที่พักถูกใจ จึงนอนหลับสบายมาก ตื่นขึ้นมาสภาพร่างกายก็รู้สึกว่าค่อนข้างที่จะแข็งแรง ท่านพันแสนให้ญาติโยมนำเอาภัตตาหารเช้ามาถวายอย่างอุดมสมบูรณ์ แถมยังมีข้าวต้มปลาส้มของจ่าบี (จ.ส.ต.นิวัฒน์ จำรัส) จากโฮงปลาส้มเงินล้าน แม่ทองปอน จังหวัดลำปางมาร่วมในงานนี้ด้วย

    เมื่อฉันเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เข้าที่ภาวนา จนกระทั่ง ๗ โมงเศษ ถึงได้ลงไปเก็บข้าวของที่รถ แล้วทำการบวงสรวงขออนุญาตปลุกเสกวัตถุมงคล และการจัดงานต่าง ๆ ให้กับท่านพันแสน โดยที่มีผู้คุ้นเคยก็คือท่านอาจารย์ติงลี่ (พระอธิการสมมาศ คุณาธิโก) เจ้าอาวาสวัดประตูด่าน อดีตศิษย์เก่าวัดท่าซุง และอดีตที่เก่ากว่านั้นคือวัดโพธิ์เมืองปัก ก็มาร่วมพิธีด้วย

    เมื่อทำการบวงสรวงบอกกล่าวเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงเข้าที่เตรียมปลุกเสกวัตถุมงคล ท่านพันแสนกับพรรคพวกก็มารายงานกันเป็นการใหญ่ว่าสร้างพระอะไรไว้บ้าง สร้างวัตถุมงคลอะไรไว้บ้าง กระผม/อาตมภาพดูรายการแล้วก็ถอนหายใจ เหตุเพราะว่าแทบจะสูงสุดต่ำสุดอยู่ในครั้งเดียวกัน..!

    โดยปกติแล้ว
    ถ้าเป็นพระรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กระผม/อาตมภาพก็จะกราบขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยสงเคราะห์ ส่วนพระองค์ท่านจะมอบหมายให้ผู้ใดมานั้นก็ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งส่วนนี้ก็ไม่เป็นที่หนักใจอะไร โดยเฉพาะพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิแบบพม่านั้น ท่านพันแสนสร้างออกมาได้สวยงามน่าบูชาเป็นอย่างยิ่ง
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,332
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,613
    ค่าพลัง:
    +26,467
    ลำดับต่อไปก็คือพระปิดตา ซึ่งเป็นงานหลักของหลวงปู่พระควัมปติ ซึ่งจับพลัดจับผลูท่าไหนก็ไม่ทราบ ทำให้ท่านต้องมารับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องของพระปิดตา ที่พวกมนุษย์กิเลสมากอย่างกระผม/อาตมภาพพากันสร้างขึ้น ด้วยถือเคล็ดลับตรงที่ว่า ท่านขยันในการเข้านิโรธสมาบัติ มีการปิดทวารทั้ง ๙ ไม่ให้กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ เข้าไปกล้ำกรายท่านได้ ด้วยเหตุที่ท่านเข้านิโรธสมาบัติเป็นปกติ จึงกลายเป็นพระมหาลาภไปด้วย

    ทำให้พระปิดตาในบ้านเราเมืองเรานั้นแยกออกเป็นสองสายด้วยกัน สายแรกคือสายมหาอุด ซึ่งเชื่อว่าอยู่ยงคงกระพัน เพราะว่าท่านปิดทวารจนหมด สายที่สองเป็นสายมหาลาภ เชื่อว่าลาภผลนั้นเกิดจากการเข้านิโรธสมาบัติของท่าน ซึ่งงานนี้เมื่อกราบขอบารมีท่านสงเคราะห์ ท่านก็รับปากโดยไม่อิดออดแต่ประการใด

    ส่วนต่อไป กระผม/อาตมภาพแทบจะนั่งเกาศีรษะตนเอง ก็คือรูปพระสุระสะตี่ตามสายของทางด้านพม่า ซึ่งความจริงก็คือพระสุรัสวดีตามสายฮินดูนั่นเอง แต่เมื่อมาถึงพม่าแล้ว ท่านกลายเป็นส่วนหนึ่งของทางสายวิชาการของพม่า เรียกว่าพระสุระสะตี่ โดยที่กำหนดคุณสมบัติเอาไว้ว่าเป็นผู้มีปัญญามาก

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงต้องกราบเรียนถามท่านปู่พระอินทร์ว่า "ผู้ใดรับหน้าที่นี้ ?" เนื่องเพราะตอนแรกคิดว่าน่าจะเป็น "ท่านย่าอินทิราณี" แต่ท่านย่าบอกว่า "ไม่ใช่ฉันหรอก" แล้วก็ชี้มือไปที่เทวีนางหนึ่ง ซึ่งรัศมีกายสว่างรุ่งเรืองเป็นอย่างยิ่ง มองดูแล้วก็คุ้นเคยมาก ท่านยิ้มขึ้นมาจึงจำได้ว่านี่คือ "พระสุนทรีวาณี เทวีผู้พิทักษ์พระไตรปิฎก" ท่านย่าบอกว่า "คุณสมบัติปัญญามาก เป็นครูของอักขระเลขยันต์เวทมนตร์คาถาทั้งปวง ก็ต้องยกให้กับท่านสุนทรีวาณีนี้แหละ"

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพก็โล่งใจขึ้นมางานหนึ่ง เพราะว่าวัตถุมงคลที่สร้างไปคนละทิศคนละทางแบบนี้ มีสิทธิ์ที่กระผม/อาตมภาพจะประสาทรับประทานเอาง่าย ๆ เนื่องเพราะว่าวิชาการที่เรียนมานั้นไม่ครบถ้วน อาศัยที่มีครูดี ถึงเวลาให้ขอบารมีพระพุทธเจ้า บารมีพระปัจเจกพุทธเจ้า บารมีของพรหมเทวดา บารมีของครูบาอาจารย์ อาศัย "วิธีลัด" แบบนี้หากินมาบ่อย ๆ ยัง "ไม่จนแต้ม" เสียที ถ้าไปเจอสายวิชาที่ไม่รู้จักขึ้นมาอีก กลับเป็นเรื่องดี เพราะได้รู้จักเจ้าของวิชาการนั้น ๆ ด้วย

    เมื่อมาถึงอีกสองสิ่งก็คือปรอทสำเร็จและปรอทกรอ ซึ่งทางด้านท่านพันแสนและคณะอุตส่าห์ไปศึกษาและทำมา แถมยังทำได้ค่อนข้างดีเสียด้วย แม้ว่าคุณภาพจะยังไม่ถึงระดับ A+ แต่ถ้าหากว่า B+ หรือ A- ก็ยังพอที่จะพูดได้เต็มปากเต็มคำอยู่ ถ้ามีเวลาในการฝึกซ้อม สร้างเสริม โดยเฉพาะเพิ่มในส่วนของสมาธิภาวนาเข้าไป ก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้มาก
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,332
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,613
    ค่าพลัง:
    +26,467
    ยังไม่ทันที่จะขยับไปไหน ท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหมก็มาพร้อมกับท้าวมหาพรหมรูปหนึ่ง ท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหมบอกว่า "ส่วนนี้เป็นหน้าที่ของพ่อเจ้าประคุณนี่แหละ ตอนสมัยที่เป็นมนุษย์ท่านอยู่ที่เขาบุปผา (โป๊ปป้า) เจ้าคงพอจะรู้จักอยู่บ้าง" พอพูดอย่างนั้น กระผม/อาตมภาพก็สว่างกระจ่างใจขึ้นมาทันที รู้ว่าท้าวมหาพรหมท่านนี้ก็คือ "บรมครูโบโบอ่อง" เจ้าแห่งวิชาการต่าง ๆ ทางสายพม่า ที่ทางพม่าให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง

    ความจริงแล้วท่านบวชเป็นพระ แต่ว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่ชอบศึกษาเล่าเรียนนั้น ในความเป็นพระถ้าเสียเวลาไปทำอยู่ ก็อาจจะโดนตำหนิติเตียน โดยเฉพาะบางอย่างก็เป็นสิ่งที่ฝืนต่อพระธรรมวินัย ท่านจึงได้สึกหาลาเพศมานุ่งขาวห่มขาว ปฏิบัติตนในลักษณะของฤๅษี แต่เป็นฤๅษีที่เชี่ยวชาญในอภิญญาสมาบัติ สามารถที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ได้เข้มขลังเป็นอย่างยิ่ง ในส่วนของปรอทสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นปรอทเงินปรอททอง ตลอดจนกระทั่งแมลงภู่คำบรรจุปรอท ท่านล้วนแล้วแต่มีความชำนาญเป็นอย่างมาก

    ใน "มุขปาฐะ" ที่เล่ากันปากต่อปากกล่าวว่า "บรมครูโบโบอ่อง" หรือที่บางท่านเรียกว่า "บูบูอ่อง"บ้าง "โป๊ะโป๊ะอ่อง" บ้าง แล้วแต่จะอ่านตามภาษาอังกฤษที่เขาเขียนเอาไว้ แต่กระผม/อาตมภาพฟังจากชาวพม่าพูดเอง จึงได้เรียกท่านว่า "โบโบอ่อง" มาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตามที่เล่ากันมาบอกว่าท่านได้สร้างแมลงภู่คำ ๑๖ ตัวถวายให้พระเจ้าบุเรงนองใช้งาน ในตลอดรัชสมัยนั้น ไม่ว่าจะไปรบราที่ใด ก็ชนะไม่เคยพ่ายแพ้ใคร จนได้ฉายาว่า "ผู้ชนะสิบทิศ" ถ้าเป็นไปตามเรื่องเล่านี้ก็แปลว่าของท่านดีจริง ขลังจริงทีเดียว

    แล้วโดยเฉพาะในส่วนของครูบาอาจารย์ ตอนแรกกระผม/อาตมภาพคิดว่าทางสายนี้ก็จะไปกราบนิมนต์หลวงพ่อวินะยะ วัดเขาตามะยะ ซึ่งมีความคุ้นเคยกันมาก เพราะว่าเมื่อไปพม่าเมื่อไรก็จะไปค้างอยู่กับท่าน ๓ คืนทุกครั้ง เพื่อที่จะได้อยู่ศึกษาวิชาการ และขอรับบารมีของท่านที่แผ่ไพศาลสงเคราะห์ญาติโยมเป็นหมื่นเป็นแสนอยู่ทุกวัน
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,332
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,613
    ค่าพลัง:
    +26,467
    หรือไม่ก็จะไปกราบขอหลวงปู่นารทะ วัดโพธิ์พันต้น (โบดิ๊ตะเทา) เมืองหม่งยัว มณฑลสะกาย ซึ่งคุ้นเคยกันในตอนที่ไปกราบท่าน แล้วท่านยังมอบปรอททองคำมาให้เป็นกำมือ โดยที่ในแต่ละวันท่านจะแจกแก่ญาติโยมเป็นหมื่น ๆ คนที่ไปขอรับ คนละ ๒ เม็ด ให้เอาไปจำหน่ายเพื่อเป็นเครื่องเลี้ยงชีพตนเอง เพราะว่าปรอทที่ท่านทำนั้นกลายเป็นทองคำจริง ๆ

    กระผม/อาตมภาพเรียนหลวงปู่ว่า "ขอรับตามโควต้าทั่วไปแค่ ๒ เม็ด ส่วนที่เหลือถวายคืนหลวงปู่เอาไว้แจกญาติโยม จะได้ไม่ต้องไปเหนื่อยทำอีกครับ" ท่านก็ยังยิ้มชอบใจ แต่ว่ากลับไม่ใช่หน้าที่ของครูบาอาจารย์สองท่านนี้ กลายเป็นท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหมไปเอาต้นตำรับ ก็คือบรมครูปู่พระฤๅษีโบโบอ่องมาแทน

    อีกส่วนหนึ่งก็คือกระผม/อาตมภาพนำเอาพระขรรค์ที่เซียนไก่บ้านฆ้อง (คุณปริญญา นัทธี) ถวายมา เข้าพิธีอีก ๒ เล่ม และน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ก็ยังอุตส่าห์ไปผาติกรรม "มีดผ่าฟืน" ของท่านพันแสนมา ๑ เล่ม เข้าพิธีด้วย

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ท่านพันแสนนอกจากมีความรู้ในเรื่องของ มีด ดาบ หอก แหลน หลาว เหล่าอาวุธโบราณแล้ว ยังสร้างสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ขึ้นมาใช้งานเอง ตลอดจนกระทั่งสั่งสอนให้กับบรรดาญาติโยมที่สนใจวิชาการทางด้านนี้ เพื่อที่จะได้มีอาชีพในการทำมาหากินต่อไปได้

    เพียงแต่ว่ามีดผ่าฟืนที่ท่านทำมานั้น นอกจากจะคมกริบประหนึ่งใบมีดโกนแล้ว การเข้าฝักเข้าด้าม ไม่ว่าจะเป็นแหม หรือว่าโลหะรัดด้าม ปลอกรัดกั่น ล้วนแล้วแต่ทำอย่างประณีต จนน้องเล็กเห็นแล้วเสียดาย จึงขอผาติกรรมไว้ใช้งานเอง ในเมื่อได้มาแล้วจึงพลอยเอามาเข้าพิธีไปด้วย

    ส่วนนี้ท่านปู่พระอินทร์มอบหมายให้ท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณรับภาระไป เนื่องเพราะว่า
    ๑ ใน ๕ เทพศาสตราวุธที่โดนอ้างถึงอยู่เสมอ ในการใช้อาวุธประเภทมีดหมอหรือว่าไม้เท้า ก็คือกระบองของท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณนี่เอง
     
  7. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,332
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,613
    ค่าพลัง:
    +26,467
    ด้วยความที่มัวแต่ไปขออนุญาตท่านโน้นบ้าง ทำความรู้จักท่านนี้บ้าง ไม่ทราบว่าตนเองเข้าสมาธิไปนานเท่าไร เมื่อลืมตาขึ้นมาปรากฏว่านานเป็นชั่วโมง..! ทำเอาท่านอื่นที่เข้ากรรมฐานตามอยู่ ไม่ทราบว่าหนาวหนักไปเท่าไรแล้ว เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพเมื่อเข้ากรรมฐานแล้ว ก็ไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องภายนอก ถอนจิตออกมาแล้วจึงพรมน้ำมนต์ให้กับวัสดุทุกอย่างที่เข้าพิธีในครั้งนี้

    เสร็จสรรพรับไทยธรรมแล้ว ก็ขออนุญาตเดินทาง ขึ้นไปกราบสักการะพระบรมธาตุดอยสุเทพ ยังรู้สึกว่าตนเองจะยิ่งแก่ก็ยิ่งขึ้นบันไดเก่ง เพราะว่าเดินรวดเดียวถึงข้างบนโดยไม่ต้องพัก ไปนั่งรออยู่พักใหญ่ กว่าที่คุณแดง (มงคล ม่วงน้อยเจริญ) กับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) จะตามมาถึง

    กราบสักการะอุทิศส่วนกุศลถวายแก่เทพเจ้าที่รักษาองค์พระบรมธาตุในทิศทั้ง ๔ ตลอดจนกระทั่งสารพัดท่านที่มีบุญสัมพันธ์กรรมสัมพันธ์กันมาแล้ว ก็ลงมาฉันเพลที่บริเวณลานหน้าวังบัวบาน ด้วยปิ่นโตที่ทางวัดศิลาวาสถวายมาถึง ๓ เถา..!

    กระผม/อาตมภาพฉันไปได้ไม่ถึงครึ่งชั้นปิ่นโตก็หมดสภาพ แล้วเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านกุลพันธ์วิลล์โครงการ ๙ ตำบลบ้านแหวน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อที่จะทำการยกศาลใหม่ให้กับคุณรสสุคนธ์ ซึ่งได้เคารพนับถือกันมานาน และต้อนรับคณะญาติโยมที่จะเดินทางมาสักการะหรือว่าร่วมทำบุญด้วย

    ก็เป็นอันว่างานวันนี้ยังไม่จบลง แต่ต้องรีบชิงในการบันทึกเสียงเสียก่อน ไม่เช่นนั้นถ้ารับแขกจนเลยเวลามาก ญาติโยมอาจจะต้องรอช้ากว่าที่จะได้ฟังกัน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๒๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...